top of page
  • ฐณิพัชร์ มายะการ

ระบบเติมหมึกของปากกาหมึกซึม


ปากกาหมึกซึมมีระบบเติมหมึก (Filling System) อยู่หลายแบบนะครับ แต่ละแบบก็มีข้อดีต่างกันไป ผมขอยกมาเล่าให้ฟังเฉพาะแบบที่ผมรู้จักนะครับ เพราะน่าจะมีแบบอื่นๆอีกเยอะ ที่ผมยังไม่เคยเจอมาก่อนครับ

Cartridge (หมึกหลอด)

เป็นระบบเติมหมึกที่คิดค้นขึ้นในปี 1927 โดย Waterman เป็นปากกาหมึกซึมยี่ห้อแรกที่ทำหมึกหลอดออกมาจำหน่าย ในระยะแรก หลอดหมึกจะเป็นหลอดแก้วนะครับ จนกระทั่งในปี 1953 ปากกา Waterman จึงได้ออกหลอดหมึกที่เป็นพลาสติกมาเป็นครั้งแรกครับ

หมึกหลอดมีข้อดีตรงที่ พกหมึกสำรองติดตัวไปไหนมาไหนง่ายครับ ไม่ต้องแบกขวดหมึกติดตัวไปด้วย ให้เสียวหมึกหก ขวดแตก เลอะเทอะไปหมด พกหมึกหลอดสำรองไป 5-6 หลอด ใช้งานเขียนเยอะๆทุกวันได้ 2-3 เดือนสบายๆ แถมยังแค่กล่องแค่นิดเดียว น้ำหนักก็เบา การเปลี่ยนหมึกก็ง่ายครับ มือไม้ไม่เลอะเทอะด้วย

ข้อเสียของหมึกหลอดก็มีนะครับ คือ ราคาแพงกว่าการสูบหมึกจากขวดครับ และมีหมึกสีต่างๆให้เลือกน้อยกว่าหมึกขวดครับ

สำหรับราคาหมึกนี่ จริงๆแล้วก็มีหมึกหลอดราคาไม่แพงขายนะครับ ตกหลอดละ 50 ส.ต.เอง (คำนวนแล้วก็ยังแพงกว่าเติมหมึกจากขวดครับ) แต่ในบ้านเราจะมีขายเฉพาะสีน้ำเงินครับ ส่วนตัวผมแล้วผมจะเติมหมึกลงในหลอดที่หมึกหมดแล้วด้วยตนเอง โดยใช้หลอดฉีดยา (Syringe) กับเข็มฉีดยาครับ ทำให้สามารถประหยัดได้ แถมยังเลือกสีหมึกได้ด้วย แต่วิธีนี้อาจจะยุ่งยากสักหน่อย และใช้ไม่ได้กับการเตรียมหลอดหมึกสำรองเวลาต้องเดินทางไปไหนมาไหนหลายๆวันนะครับ

หมึกหลอดจะมีแบบสั้นและแบบยาวครับ หมึกหลอดแบบยาว จะมีความจุหมึกมากกว่าแบบสั้นราว 2 เท่า ก็ต้องดูด้วยว่า ปากกาด้ามนั้นสามารถใช้กับหมึกหลอดแบบยาวได้รึเปล่า เพราะปากกาบางรุ่นก็สั้นเกินไป อย่าง Kaweco Sport หรือปากกาบางรุ่นแม้จะมีด้ามยาว แต่ก็ไม่สามารถใช้กับหมึกหลอดแบบยาวได้ อย่าง Sheaffer VMF ครับ

หมึกหลอดของปากกาแต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกันนะครับ ปากกาหลายยี่ห้อใช้หมึกหลอดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับของตัวเอง อย่าง Parker, Sheaffer, Cross, Pilot หรือ Lamy แล้วยังมีอีกหลายยี่ห้อนะครับ ปากกาพวกนี้จะต้องใช้หมึกหลอดที่ออกแบบมาสำหรับยี่ห้อของตัวเองเท่านั้น เวลาหาซื้อหมึกหลอดก็ต้องเลือกให้ถูกด้วยนะครับ ไม่งั้นจะเอามาใช้กันไม่ได้ หมึกหลอดเฉพาะยี่ห้อนี่ สีหมึกจะสวยกว่าหมึกหลอดราคาประหยัด แต่ก็จะมีราคาแพงกว่ามากครับ สำหรับปากกาพวกนี้ พอใช้หมึกหมดหลอดแล้ว ผมจะเก็บหลอดไว้ เอามาเติมหมึกเอง เพราะประหยัดกว่าครับ

แต่ก็มีปากกาอีกหลายๆยี่ห้อที่ออกแบบให้ใช้หมึกหลอดมาตรฐานครับ ปากกาพวกนี้จะระบุไว้เลยว่าใช้ International Cartridge ซึ่งจะใช้ได้กับหมึกหลอดที่วางขายทั่วๆไปครับ

Eyedropper Conversion

เป็นระบบเติมหมึกสำหรับปากกาหมึกซึมที่เก่าแก่ที่สุดครับ คือ จะเติมหมึกลงไปในด้ามปากกาเลย โดยใช้หลอดหยดยาหยอดตา (Eyedropper) หรือหลอดฉีดยา (Syringe) เติมหมึกเข้าไปในด้ามปากกาครับ ตัวปากกาจะไม่มีที่สูบหมึกใดๆทั้งสิ้น

ข้อดีของปากกาแบบ Eyedropper Conversion คือ สามารถบรรจุหมึกได้เป็นจำนวนมากครับ สำหรับปากกาที่มีขนาดปกติ หากใช้การเติมหมึกแบบ Eyedropper Conversion จะสามารถบรรจุหมึกได้มากถึง 2-4 มล. ขณะที่หมึกหลอดแบบสั้นจะบรรจุหมึกได้เพียง 0.5 มล. และที่เติมหมึกโดยทั่วไปจะบรรจุหมึกได้ราว 0.7 มล.ครับ เรียกว่า สำหรับคนที่ใช้ปากกาเขียนเยอะๆ เติมหมึกแบบ Eyedropper ครั้งนึง ใช้ปากกาเป็นเดือนโดยไม่ต้องเติมหมึกอีกได้อย่างสบายๆเลยครับ

ข้อเสียของการเติมหมึกแบบ Eyedropper ก็คือ ออกจะยุ่งยากสักหน่อย ต้องมีอุปกรณ์ช่วย เช่น หลอดหยดยาหยอดตา หรือหลอดฉีดยา (Syringe) สำหรับสูบหมึกไปใส่ในด้ามปากกาครับ และจะต้องมีจาระบีซิลิโคน หรือ Silicone Grease เป็นจาระบีใสๆ เนื้อข้นๆเหนียวๆครับ เอามาใช้ทาตรงเกลียวด้ามปากกา เพื่อป้องกันหมึกรั่วออกมาครับ (ไว้ผมจะคุยเรื่องการทำ Eyedropper Conversion อย่างละเอียดอีกทีนะครับ) ข้อเสียอีกอย่าง คือ กลัวว่าถ้าปากกาโดนทับแตก หมึกจะหกออกมาเลอะเทอะไปหมดน่ะครับ

ปากกาหมึกซึมบางรุ่นสามารถเอามาทำเป็น Eyedropper Conversion ได้นะครับ เวลาจะดูว่าปากการุ่นไหนเอามาทำได้ ให้ดูว่าส่วนด้ามของปากกาเป็นแบบที่ไม่มีรูรั่วให้อากาศออกได้นะครับ ไม่งั้นหมึกจะรั่วออกมาด้วย และด้ามของปากกา รวมถึงตรงเกลียวที่ต่อกับกริปที่จับปากกาจะต้องไม่มีชิ้นส่วนที่เป็นโลหะครับ ปากกาที่เหมาะจะเอามาทำเป็น Eyedropper ควรมีด้ามปากกาใสๆ หรือไม่ก็มีช่องสำหรับให้ดูว่าหมึกใกล้จะหมดรึยังนะครับ สำหรับปากกาหมึกซึมราคาถูกที่ฝรั่งนิยมเอามาทำเป็น Eyedropper Conversion คือ Platinum Preppy ครับ

Piston Filler

ระบบเติมหมึกแบบลูกสูบ หรือ Piston Filler นี่ก็ใช้การเติมหมึกเข้าไปในด้ามปากกาครับ โดยที่ตรงปลายด้ามปากกาจะมีปุ่มหมุนสำหรับสูบหมึกติดมาด้วย ทำให้ไม่ต้องเอาหลอดหยดยาหยอดตามาหยดน้ำหมึกเข้าไปในด้ามทีละหยด จึงเติมหมึกได้สะดวกกว่าปากกาแบบ Eyedropper ครับ

ส่วนตัวผมแล้ว จุดเด่นสุดๆของระบบเติมหมึกแบบ Piston Filler คือ เท่ครับ 5555 ผมว่าปากกาที่เป็น Piston Filler ดูสวย มีเสน่ห์ดีครับ ยิ่งเป็นปากกาใสๆ พวก Demonstrator แล้ว สำหรับผมจะต้องเป็น Piston Filler หรือไม่ก็ Eyedropper เท่านั้นครับ ถ้าใส่หมึกหลอด หรือเป็นที่สูบหมึก มันไม่คูลง่ะ 5555

จุดเด่นจริงๆ ของระบบเติมหมึกแบบนี้ คือ สามารถบรรจุหมึกได้มากครับ เพราะบรรจุหมึกลงในด้ามปากกา แต่จะต่างกับ Eyedropper Conversion ก็ตรงที่จะเสียพื้นที่ในด้าม เพื่อบรรจุกลไลของระบบสูบหมึกไปบ้าง แต่ยังไงซะ ก็ยังสามารถบรรจุหมึกได้เกินครึ่งของปริมาตรความจุภายในด้ามปากกาครับ โดยทั่วไปแล้วปากกาแบบ Piston Filler จะสามารถบรรจุหมึกได้ตั้งแต่ 1 มล.ขึ้นไปครับ

ส่วนข้อเสีย ก็มาจากการที่จุหมึกได้มากนี่แหละครับ คือ ไม่เหมาะสำหรับคนขี้เบื่อ ชอบเปลี่ยนสีหมึกไปเรื่อยๆครับ เพราะจุหมึกครั้งนึงได้มาก กว่าจะใช้หมึกหมดก็นานล่ะ 5555

Aeromatric Filler

เป็นที่สูบหมึกแบบที่นิยมใช้กันมากนับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหลักการแล้ว ที่สูบหมึกแบบ Aeromatric นี่ ก็คือ หลอดหยดยาหยอดตาที่ติดเข้ากับตัวปากกาหมึกซึมนั่นเองครับ โดยจะมีถุงบรรจุหมึกที่เรียกว่า Sag ทำจากไนล่อน หรือพลาสติก หรือไม่พวกซิลิโคน แล้วหุ้มด้วยโลหะสำหรับบีบหมึกอีกที แต่ก็มีปากกาบางรุ่นเหมือนกัน ที่มีเฉพาะ Sag แต่ไม่มีโลหะหุ้ม อย่างที่สูบหมึกของ Kaweco Sport ครับ

Ink Converter (ที่สูบหมึก)

ที่สูบหมึกของปากกาหมึกซึมในปัจจุบันมักจะสามารถถอดเปลี่ยนไปใช้หมึกหลอดแทนได้ครับ จึงเรียกที่สูบหมึกนี่ว่า Ink Converter หรือตัวแปลงระบบเติมหมึกครับ หรือแปลงจากหมึกหลอด ให้สามารถสูบหมึกจากขวดได้นั่นเอง

Ink Converter นี่ก็มีหลายแบบนะครับ แต่ที่พบบ่อยๆในปัจจุบันก็จะเป็นแบบ Piston Converter ซึ่งก็ทำงานเหมือนกับระบบ Piston Filler ครับ จะต่างกันก็ตรงที่ระบบ Piston Filler จะมีปุ่มสำหรับหมุนเติมหมึกอยู่ที่ปลายด้ามปากกาเลย แต่ Piston Converter นี่ จะต้องถอดด้ามปากกาออกมาก่อน แล้วตรงที่สูบหมึกจะมีปุ่มสำหรับหมุนเติมหมึกครับ

อีกแบบที่มักจะเห็นบ่อยๆในปากการาคาไม่แพง เป็นแบบ Slide Converter ครับ ที่เติมหมึกแบบนี้ จะมีแกนสำหรับสไลด์เติมหมึกอยู่ที่ด้านข้าง นอกจากนี้ก็ยังมี Converter แบบ Sag และแบบ Aeromatric ด้วยนะครับ การทำงานก็เหมือนกับที่สูบหมึกแบบ Aeromatric ครับ แล้วก็ยังมีแบบปั๊ม (Pump Converter) ใช้กดปุ่มที่ส่วนท้ายของ Converter สำหรับเติมหมึก แต่แบบนี้จะเจอเฉพาะในปากกาบางยี่ห้อครับ

เช่นเดียวกับหมึกหลอด ที่ Converter ของปากกาบางยี่ห้อจะใช้ร่วมกับยี่ห้ออื่นๆไม่ได้นะครับ ต้องใช้เฉพาะยี่ห้อของตัวเองเท่านั้น แต่ก็มีปากกาหลายรุ่น หลายยี่ห้อที่ใช้ International Converter ทำให้สามารถใช้ที่สูบหมึก และหมึกหลอดร่วมกันได้ครับ

เวลาจะซื้อปากกา ขอให้ดูให้ชัวร์ๆว่า มีที่สูบหมึกหรือ Converter แถมมาให้ด้วยรึเปล่านะครับ ปากกาหลายรุ่นที่วางขายกันอยู่ ไม่ได้ให้ที่สูบหมึกมาด้วย เวลาจะซื้อที่สูบหมึกแยก บางทีก็แพงเอามากๆเลยครับ ถ้าเป็นปากการาคาถูกๆ อย่าง Platinum Preppy ที่สูบหมึกจะแพงกว่าราคาปากกาถึง 3-4 เท่าเลยนะครับ เพราะที่สูบหมึกของปากกายี่ห้อ Platinum เป็นแบบเฉพาะตัว ใช้กับ International Converter ไม่ได้ครับ และยังมีปากกาอีกหลายรุ่นที่ใช้ที่สูบหมึกไม่ได้ด้วย อย่าง Sheaffer VMF หรือปากกาพวกด้ามเล็กๆสั้นทั้งหลายครับ

ที่ผมบอกมาทั้งหมดนี้ เป็นที่สูบหมึกที่มักจะพบเห็นกันบ่อยๆเท่านั้นครับ จริงๆแล้วยังมีที่สูบหมึกแบบอื่นๆอีกเยอะเลย แต่จะพบในปากกาเฉพาะบางรุ่น บางยี่ห้อเท่านั้น และมักจะเป็นปากการาคาแพงๆ ที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ลองสัมผัสครับ หากวันไหนบุญพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสเล่นปากกาที่มีระบบสูบหมึกแบบอื่นๆ จะเอามาเขียนเพิ่มเติมอีกทีแล้วกันนะครับ

 Write like dream: 

 

blog ที่รวบรวมบทความ และรีวิว เกี่ยวกับปากกาหมึกซึม สำหรับผู้ที่รักการเขียนทุกท่าน

 

ท่านสามารถติดตามการอัพเดทข้อมูลของ WLD ได้ทางโดยกด Like ที่ Facebook Page ของ Write Like Dream (คลิก)

 RECENT POSTS: 
 คลิกเพื่อค้นหาข้อมูล 
bottom of page