เพราะเหตุใด ปากกาหมึกซึมจึงมียอดขายเพิ่มขึ้น ?

ข่าวนี้อาจจะเก่าไปสักหน่อยนะครับ คือ เป็นข่าวจากนิตยสาร BBC News ในปี 2012 แต่ผมคิดว่า แนวโน้มในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ ยอดขายของปากกาหมึกซึมน่าจะยังคงอู้ฟู่อยู่ ซึ่งเห็นได้จากปากกาหมึกซึมยี่ห้อต่างๆ พากันออกรุ่นใหม่ๆมาสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีปากกายี่ห้อใหม่ๆ ที่มาแรงให้เห็นในตลาดอีกด้วยครับ ในบ้านเราก็ดูเหมือนจะไม่แพ้เมืองนอกนะครับ สังเกตได้ว่ามีผู้ขายปากกาหมึกซึมออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และยังได้เห็นยี่ห้อต่างๆที่หลากหลายขึ้นในบ้านเราด้วยครับ

บทความนี้จะเรียกว่า ‘แปล’ ก็คงไม่ใช่นักครับ คือ ผมก็อ่านๆ แล้วจับใจความเอา อาจจะไม่ตรงกับต้นฉบับนัก แต่ก็คงไม่เพี้ยนไปมาก ถือว่าอ่านเอามันแล้วกันนะครับ

คุณอาจจะคิดว่าอีเมล์ และปากกาลูกลื่น ได้ฆ่าปากกาหมึกซึมไปซะแล้ว แต่ยอดขายของปากกาหมึกซึมกลับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของผลิตภัณฑ์แนวล้าสมัยที่ยังคงอยู่รอดได้ในกระแสของการเปลี่ยนแปลง

สำหรับหลายๆคน ปากกาหมึกซึมช่วยนำความทรงจำเก่าๆ ในสมัยวัยเรียนให้หวนกลับมา ไม่ว่าจะเป็นมือที่เลอะหมึก หรือสมุดแบบฝึกหัดที่เปรอะเปื้อน ขณะที่บางคนก็ชื่นชอบในลักษณะเฉพาะของปากกาหมึกซึมเป็นการส่วนตัว เช่น ชอบปากกาอ้วนๆของ Montblanc หรือปากกาเคลือบเงินหรูของ Parker รวมถึงชอบลายเส้นหนักเบาที่เป็นเอกลักษณ์ของปากกาหมึกซึม

ผู้ผลิตปากกา Parker ซึ่งผลิตปากกาหมึกซึมออกจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 1888 กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตลาดปากกาหมึกซึมในทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ Lamy ก็เปิดเผยตัวเลขรายได้โดยรวมสูงขึ้นจากในปี 2011 ถึง 5% ด้านผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ของโลก อย่าง Amazon ก็บอกว่า ยอดขายของปากกาหมึกซึมเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า เมื่อเทียบกับในปี 2011 และเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าหากเทียบกับปี 2010 ผู้ค้าเครื่องเขียนยักษ์ใหญ่ อย่าง Ryman ก็มียอดขายปากกาหมึกซึมในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดจำหน่ายของปากกาลูกลื่นยังคงที่

เรื่องราวของปากกาหมึกซึม จึงเป็นเสมือนโบราณวัตถุที่สามารถยืนตระหง่านท่ามกลางกระแสแห่งเทคโนโลยีได้อย่างไร

ทั้งนี้นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ที่ได้มีการผลิตปากกาลูกลื่นขึ้นมา ก็หลายคนคาดการณ์ว่า ปากกาหมึกซึมน่าจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้เป็นแน่แท้ แต่ปากกาหมึกซึมกลับไม่ตาย ผู้คนยังคงคิดถึงปากกาหมึกซึมอยู่เสมอ

มีหลายคนออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า อาจเป็นเพราะ ผู้คนต้องการมีส่วนร่วมกับความทรงจำเก่าๆ โดยผ่านปากการ่วมสมัยอย่างปากกาหมึกซึม และปากกาหมึกซึมยังเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอีกด้วย

แน่นอนว่า หากประธานาธิบดีจะลงนามในสนธิสัญญาอะไรสักอย่าง เขาก็คงจะไม่เซ็นชื่อด้วยปากกา Bic Cristal แน่ๆ และหากคุณจะให้ปากกาเป็นของขวัญกับคนที่คุณรักสักด้าม คุณก็อาจจะคิดถึงปากกาหมึกซึม มากกว่าปากกาลูกลื่น รวมถึงผู้ที่เพิ่งจบการศึกษา และเริ่มงานวันแรก หากต้องการจะสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ก็คงจะเลือกใช้ปากกาหมึกซึม แทนปากกาลูกลื่นเช่นกัน

ในบทความจริงๆ ยังมีความเห็นของคนอื่นๆอยู่ด้วย แต่ผมเห็นว่าใจความโดยรวมก็คล้ายๆกัน หากสนใจก็ลองไปอ่านดูเองนะครับ

ส่วนตัวผมมองว่า เหตุที่ปากกาหมึกซึมไม่เพียงแต่อยู่รอดในโลกแห่งไซเบอร์นี้ แต่ยังกลับมียอดขายที่เพิ่มขึ้นด้วย ก็เป็นเพราะกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังมาแรงครับ ไม่เพียงเฉพาะปากกาหมึกซึมเท่านั้น แต่กล้องถ่ายรูปที่ใช้ฟิมล์ เครื่องฉายภาพยนตร์รุ่นเก่า ก็กำลังเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง

เรื่องนี้ผมไม่ได้มองว่าเป็นแฟชั่นนะครับ แต่กลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดีซะอีก ที่คนรุ่นใหม่หันไปใส่ใจกับอดีตที่ต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าบรรดาสินค้าไฮเทคในตลาด ที่เน้นให้ความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว แค่กดปุ่มก็ใช้ได้ ต่างกับผลิตภัณฑ์ในยุคก่อนที่กว่าจะเขียน กว่าจะถ่ายรูปได้สักที ต้องใช้ความละเอียดอ่อนมากกว่า ผมว่า มันทำให้ชีวิตมีความอ่อนโยนมากขึ้นนะครับ

แม้ว่าจะมีเฟสบุ๊ค อินสตราแกรม ไลน์ และสื่อออนไลน์อีกมากมาย แต่ผมยังชอบการ์ดวันเกิดที่เขียนด้วยลายมือ มากกว่าบรรดาการ์ดอิเล็กทรอนิกส์ครับ ลายมือหวัดๆ ที่อาจจะเขียนผิดบ้างถูกบ้าง แต่จงใจเขียนขึ้นมาสำหรับผมโดยเฉพาะ มันมีความหมายมากกว่า กดแป้น HBD แล้ว Enter เป็นไหนๆครับ

ในโลกที่ทุกอย่างเร่งรีบไปหมด เช่นทุกวันนี้ เราไม่จำเป็นที่จะต้องหาสโลว์ไลฟ์ โดยนั่งจิบกาแฟราคาแพง ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆหรอกครับ แค่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างให้มากขึ้น เพิ่มความพิถีพิถันในการใช้ชีวิต ไม่ใช่วันๆเอาแต่กดแป้นคอมพิวเตอร์ นั่งเขี่ยหน้าจอแท็บเล็ต กดโทรศัพท์มือถือ แล้วกินอาหารจานด่วน ลองเปลี่ยนเป็นเขียนโน๊ตสั่งงานลูกน้องด้วยลายมือตนเอง ยอมเสียเวลากับการเติมหมึกปากกาสักหน่อย หรือถ่ายรูปด้วยกล้องที่ต้องปรับโน่นปรับนี่เองบ้าง ผมว่านะ เท่านี้ก็หาชีวิตที่มีความสุขโดยไม่เร่งรีบได้ไม่ยากแล้วนะครับ