[รีวิวปากกาหมึกซึม] Hero 369

Hero เป็นบริษัทผู้ผลิตปากกาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีนครับ บริษัทนี้เริ่มผลิตปากกาหมึกซึมมาตั้งแต่เมื่อ 80 กว่าปีมาแล้ว ปากกาหมึกซึมของ Hero นี่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้ใช้ปากกาหมึกซึมบ้านเรานับตั้งแต่รุ่นคุณปู่มาแล้ว ในฐานะ “ปากกาจีน” ครับ

ปัญหาอยู่ที่ว่า คนส่วนใหญ่ในบ้านเรามักจะมอง “ปากกาจีน” ว่า เป็นปากการาคาถูก คุณภาพต่ำ เชื่อถือไม่ได้ แต่อันที่จริงแล้วปากกาจีนก็มีหลายระดับนะครับ ตั้งแต่ปากการาคาไม่กี่สิบบาท ไปจนถึงหลักพัน ส่วนเรื่องคุณภาพผมกลับมองว่า ปากการะดับราคาไม่กี่สิบ ไปจนถึงสองสามร้อยบาทของจีนนี่ มีคุณภาพ และใช้วัสดุในการผลิตที่ดีเกินราคาไปเยอะเลยครับ

กลับมาที่ Hero 369 ดีกว่าครับ Hero 369 นี่เป็นปากการุ่นเก่าของ Hero ที่ปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้วนะครับ แต่ก็ยังพอหาซื้อได้อยู่บ้างจากอีเบย์ครับ ผมได้ปากกาด้ามนี้มาในราคาไม่ถึงร้อยบาท หรือหรือบาทกว่าๆนี่แหละครับ

รูปลักษณ์ภายนอก

Hero 369 เป็นปากกาที่มีลักษณะผอมเพรียวครับ โดยตัวปากกาอ้วนพอๆกับปากกาลูกลื่นทั่วๆไปเท่านั้น ทำให้พกปากกาได้สะดวกในกระเป๋าเก็บปากกาทั่วไป หรือจะเหน็บกับที่ใส่ปากกาของสมุดบันทึกก็ทำได้ครับ

ตัวปากกาของ Hero 369 ทำจากอลูมิเนียม พ่นทรายเป็นสีด้านๆทั้งด้าม ขลิปด้วยแถบเล็กๆที่กลางตัวปากกา และที่บริเวณท้ายด้าม รวมถึงคลิปเป็นสีเงินเงาวาว ดูสวยงามมีระดับดีครับ

บนตัวปากกาไม่มีชื่อยี่ห้อ หรือโลโก้ของ Hero อยู่เลย เว้นแต่ที่บริเวณด้านหลังของปลอกปากกาจะมีสกรีนชื่อรุ่น 369 ไว้ ซึ่งตัวอักษรที่สกรีนพอนานเข้าก็ลอกหลุดออกได้นะครับ ซึ่งผมก็ว่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าลอกหลุดจนหมดแล้วจะดูสวยกว่าตอนที่มีสกรีนอีกครับ

ปากการุ่นนี้ผมว่า เหมาะกับคำว่า “Minimal” อย่างสุดๆเลยครับ คือ เน้นความสวยงามแบบเรียบง่าย แต่มีสไตล์ครับ Hero 369 มีดีไซน์ดูคลาสิกไม่หวือหวา ต่างจากปากกาจีนโดยทั่วไปที่ออกไปในแนว “เยอะ” น่ะครับ

ด้ามปากกา

ด้ามของ Hero 369 ทำจากอลูมิเนียม พ่นทรายเป็นสีเงินด้านๆ เหมือนกับปลอกปากกา มีแถบกลางลำตัวสีเงินวาวขนาดเล็ก และที่บริเวณท้ายด้ามก็จะเป็นสีเงินวาวเหมือนกัน ตรงท้ายด้ามนี่จะมีร่องสำหรับใช้ล็อกปลอกปากกาเวลาที่เอาไปเสียบที่ท้ายด้าม สีเงินวาวนี้รับกับคลิปเหน็บกระเป๋า และตัดกับสีด้านๆของตัวปากกาดูสวยงามมีระดับมากๆครับ

ข้อเสียสำหรับปากกาที่ทำผิวแบบพ่นทรายให้เป็นสีด้านๆ ก็คือ ปากกาจะเป็นรอยง่ายนะครับ หากขูดหรือกระทบกับอะไรแค่นิดหน่อย ก็อาจเป็นรอยขีดข่วนได้ เวลาพกพาหรือใช้งานก็ต้องระวังกันหน่อยครับ

ปลอกปากกา

ปากการุ่นนี้มีปลอกแบบ Snap ดึงออกใส่เข้าได้เลย ไม่ต้องหมุนเกลียวครับ ปลอกปากกาปิดสนิทแน่นดีมาก ด้านในของปลอกปากกาจะมีปลอกปากกาชั้นในเป็นพลาสติก เพื่อป้องกันน้ำหมึกที่หัวปากกาแห้งด้วย ซึ่งก็ทำได้ค่อนข้างดีนะครับ แม้ว่าจะเก็บปากกาไว้นานๆ พอหยิบมาใช้ก็ยังไม่เคยเจอปัญหาเขียนไม่ออกจนต้องเขย่าปากกาครับ แต่อาจมีเหมือนกันที่เขียนไม่ออกในเส้นแรก แต่พอเขียนเส้นต่อๆไปน้ำหมึกก็ไหลออกเป็นปกติ ไม่มีปัญหาครับ

ที่ด้านหลังของปลอกปากกาจะมีสกรีนด้วยสีดำ เป็นชื่อรุ่น 369 อยู่ สกรีนนี้ติดไม่แน่นนะครับ ใช้ไปไม่นานก็จะเริ่มลอกออก ผมก็เลยใช้เล็บขูดออกจนหมด ยิ่งทำให้ปากกาดูสวยเข้าไปใหญ่เลยครับ เพราะจะเป็นสีเงินตลอดด้าม ไม่มีสีอื่นมารบกวนเลย ที่แปลกอย่างหนึ่ง คือ ปากการุ่นนี้ไม่มีชื่อยี่ห้อ หรือโลโก้ของ Hero อยู่บนตัวปากกาแต่อย่างใดเลยนะครับ

คลิปเหน็บกระเป๋า

นี่เป็นไฮไลท์อีกอย่างของ Hero 369 เลยครับ คลิปของปากการุ่นนี้เป็นแบบสปริงโหลด กางได้เยอะมาก และมีความเป็นสปริงดีด้วยครับ คลิปแข็งแรงทนทานดี ไม่เหมือนคลิปสปริงโหลดของปากกาจีนบางรุ่นที่บอบบางจนไม่กล้าใช้งานครับ

ตัวคลิปเป็นสีเงินเงาวาว ตรงส่วนกลางของคลิปนูนเป็นสัน ไม่มีลวดลายใดๆบนคลิปเลย ดูสวยงามมากจริงๆ

บริเวณที่จับปากกา

Section Grip ของ Hero 369 ทำจากพลาสติกสีดำเงา ที่ส่วนปลายของ Section ตรงที่ต่อกับหัวปากกา จะมีแถบสีเงินเงาวาวรับกับหัวปากกาดูสวยมาก Section ของปากการุ่นนี้ยังจับได้สบาย ไม่ลื่นด้วยนะครับ

สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากกับ Section Grip ของ Hero 369 คือ หลังจากที่เติมหมึกแล้วผมก็ลองเขียนๆๆๆๆๆๆ เขียนอยู่นานเป็นครึ่งค่อนวันเลยครับ Hero 369 เป็นปากกาที่เขียนได้สนุกมากจนผมลืมไปเลยว่า กำลังเขียนด้วยปากกาผอมๆอยู่ครับ ทั้งที่จริงแล้ว ผมไม่ค่อยชอบปากกาที่มี Section ผอมๆเท่าไหร่นัก เพราะเขียนแล้วมักจะเมื่อยมือ แต่สำหรับปากการุ่นนี้เขียนได้สบายมือจริงๆ

ขนาดและน้ำหนัก

Hero 369 เป็นปากกาที่มีความยาวปกติครับ สามารถจับเขียนได้ถนัดดีแม้จะไม่เสียบปลอกปากกา แต่พอเอาปลอกปากกาไปเสียบที่ท้ายด้ามก็ยังสมดุลดีมาก ไม่มีอาการหนักท้ายด้ามเลย ทั้งนี้เป็นเพราะว่าปลอกปากกาที่ทำจากอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบามาก แถมยังเสียบปลอกปากกาได้ลึกอีกด้วยครับ

น้ำหนักโดยรวมของ Hero 369 ถือว่าเบามากๆครับ ปากการุ่นนี้เป็นปากกาที่เขียนได้ทั้งวันโดยไม่เมื่อยมือเลย แม้ว่าจะมี Section ที่ค่อนข้างผอมก็ตาม

ระบบเติมหมึก

Hero 369 ใช้ระบบเติมหมึกแบบ Aerometric ครับ ซึ่งก็น่าจะเป็นเพราะข้อจำกัดของตัวปากกาที่ผอมเพรียวมากๆ ทำให้ใช้กับที่สูบหมึกแบบมาตรฐานไม่ได้นะครับ ที่สูบหมึกแบบ Aerometric มีข้อดีก็ตรงที่เติมน้ำหมึกได้เต็มหลอดดี และยังจุหมึกได้มากอีกด้วยนะครับ แต่ผู้ใช้ปากกาหมึกซึมหลายๆคนก็ไม่ค่อยชอบที่สูบหมึกแบบนี้เท่าไหร่ เพราะเติมหมึกยาก และดูไม่ออกด้วยว่าน้ำหมึกเต็มรึยัง หรือน้ำหมึกเหลืออยู่มากน้อยเท่าไหร่ครับ ที่สูบหมึกแบบนี้ หากเก็บไว้นานๆ (หลายสิบปี) ถุงซิลิโคน (Sac) สำหรับบรรจุน้ำหมึกก็จะเสื่อมสภาพได้ แต่ก็สามารถเปลี่ยนถุง Sac ได้ ไม่ยากครับ

ปัญหาเกี่ยวกับที่สูบหมึกของ Hero 369 อีกอย่าง คือ ปลอกโลหะที่สวมทับถุง Sec ถูกอัดติดมากับ Section แน่นมากๆ ผมไม่รู้ว่าอัดกาวมารึเปล่านะครับ ตอนนี้ผมยังไม่กล้าดึงออกเลยครับ ทำให้ไม่สามารถถอดที่สูบหมึกออกจากตัวปากกาได้ เลยทำให้ทำความสะอาดปากกายากครับ

หัวปากกา และชุดป้อนหมึก

หัวปากกาของ Hero 369 มีรูปทรงแปลกตา แต่ก็สวยดีครับ หัวปากกามีขนาดเล็กไปหน่อย แต่ก็เข้ากับลักษณะปากกาที่ผอมเพรียว หัวปากกามีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยม ตรงกลางนูนเป็นสัน ไม่มีรูอากาศ ที่หัวปากกามีเพียงโลโก้ของ Hero อยู่เท่านั้น ซึ่งเป็นจุดเดียวที่บอกให้รู้ว่าปากกาด้ามนี้เป็นยี่ห้ออะไร นอกนั้นก็ไม่มีข้อความหรือตัวหนังสืออื่นใดอยู่เลยครับ

ชุดป้อนน้ำหมึก หรือ Feed ของปากกาทำจากพลาสติกมีขนาดเล็กมาก Feed เรียบๆไม่มีครีบเลย

การเขียน

ด้วยโหวงเฮ้งของหัวปากกา และ Feed นี่ ทำให้ตอนแรกผมออกจะกลัวอยู่นิดๆว่าการเขียนจะเป็นยังไงนะครับ แต่พอได้เขียนเข้าแล้ว อืม ประทับใจไม่น้อยเลย การป้อนหมึกทำได้สม่ำเสมอค่อนข้างดี ผมยังไม่เคยเจอเส้นขาดหายระหว่างที่เขียนเลย จะเจอก็แต่ปัญหาเริ่มเขียนแล้วหมึกไม่ออกทันทีอยู่บ้าง แต่อาการก็ยังไม่รุนแรงขนาดที่จะเรียกว่า Hard Start นะครับ คือ อาจจะเขียนเส้นแรกไม่ออกในทันที แต่พอขีดๆไปนิดหน่อยก็จะเขียนออกตามปกติครับ

ขนาดของลายเส้น เป็นขนาด Fine ของยุโรปครับ ต่างจากปากกาจีนทั่วไปที่มักมีหัวปากกาขนาด Fine ของเอเชีย หรือเทียบเท่ากับ Extra Fine ของยุโรป

ที่ขีดๆนี่เรียงลำดับจาก 0, 5, 10 และ 20 วินาทีครับ

การป้อนน้ำหมึกเมื่อเทียบกับหัวปากกาที่มีขนาดเดียวกัน ถือว่าออกไปในทางเปียกสักหน่อย แต่ไม่ถึงกับเป็นปากกาที่ฉ่ำน้ำหมึกนะครับ ถ้าเขียนลงบนกระดาษเนื้อไม่ดีก็ซึมทะลุด้านหลังเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

ความลื่นของหัวปากกา อยู่ในเกณฑ์ลื่นมากครับ แม้ว่าจะไม่ถึงกับติดเทอร์โบ แต่รู้สึกถึง Feedback ในระหว่างการเขียนน้อยมากๆเลยครับ

ปัญหาข้อหนึ่งสำหรับหัวปากกาของ Hero 369 ที่ผมพบก็คือ หัวปากกามี Sweet Spot ที่จัดว่าแคบเลยล่ะครับ คือ หากวางหัวปากกาผิดตำแหน่งก็จะเขียนไม่ติดเลยนะครับ ตรงนี้ทำให้ปากกาไม่เหมาะที่จะนำไปใช้สเก็ตช์รูปเท่าไหร่นัก เพราะเขียนตวัดแล้วหมึกจะไม่ออกครับ อีกอย่าง คือ จะไม่เหมาะกับเด็กๆที่เริ่มใช้ปากกาหมึกซึม เพราะอาจวางตำแหน่งหัวปากกาไม่แม่น ทำให้เขียนไม่ออกได้

หัวปากการุ่นนี้ทำ Line Variation หรือเขียนขึ้นเบาลงหนักใช้ได้เลยนะครับ แต่เขียนกดมากๆเพื่อให้น้ำหมึกออกเยอะๆ ทำให้เกิดลายเส้นขนาดใหญ่ ปากกาจะป้อนน้ำหมึกไม่ทันจนเป็นรางรถไฟหรือลายเส้นขาดได้ครับ อย่างไรก็ตามหัวปากกาของ Hero 369 นี่อ่อนเอาซะมากๆ แถมไม่ค่อยจะเป็นสปริงด้วยนะครับ หากเขียนกดๆเพื่อทำ Line Variation จะทำให้หัวปากกาบิดเบี้ยวได้เลยนะครับ

จุดหนึ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจกับหัวปากการุ่นนี้ คือ แม้ว่าจะเป็นปากกาที่มี Sweet Sport แคบมาก แต่กลับนำไปเขียนกลับด้านหัวปากกา หรือ Reverse Writing เพื่อทำลายเส้นขนาดเล็กแบบ EF ได้ลื่นมากๆด้วยครับ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่พกปากกาด้ามเดียว เวลาต้องไปกรอกข้อมูลลงบนกระดาษเนื้อไม่ดี ก็กลับหัวปากกาเขียนทำให้น้ำหมึกไม่ซึมเลอะจนอ่านไม่ออกได้นะครับ

โดยรวม

Hero 369 เป็นปากการาคาถูกมาก ที่ผมประทับใจด้ามหนึ่งครับ เป็นปากกาที่สวยงาม มีระดับจริงๆ พกไปกระทบไหล่ปากกายุโรปราคาห่างกันยี่สิบสามสิบเท่าได้สบายๆเลย ปากการุ่นนี้ก็ยังเป็นปากกาที่เขียนได้สนุกอีกด้วย

จุดด้อยของปากการุ่นนี้ก็น่าจะเป็นที่หัวปากกามี Sweet Sport แคบนะครับ และอีกจุดก็ตรงที่ยังใช้ระบบเติมหมึกแบบ Aerometric น่ะครับ จะว่าไปแล้วเรื่องระบบเติมหมึกก็ไม่ใช่ข้อด้อยอะไรครับ แต่ตรงที่ไม่สามารถถอดที่สูบหมึกออกมาได้นี่สิ เป็นจุดด้อยสุดๆ เพราะหากถุง Sac เสียหายจะเปลี่ยนยากครับ

ข้อเสียใหญ่สุดของ Hero 369 ก็คือ หาซื้อยากถึงยากมากในปัจจุบัน เพราะปากกาเลิกผลิตไปแล้วครับ แม้ในอีเบย์ยังนานๆทีจะหลุดมาให้เห็นสักด้ามเลยครับ เอาเป็นว่าใครฟลุ๊กเจอ จะหามาไว้เป็นปากกาสำรองสักด้าม ผมก็ว่าเวิร์คดีเหมือนกันนะครับ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเขียนได้ราวกับฝันครับ

แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ