top of page
  • ฐณิพัชร์ มายะการ

[รีวิวปากกาหมึกซึม] Delta Dolcevita Stantuffo / M nib


ปากกาด้ามนี้พ่อซื้อให้ผมเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสองปีก่อน แต่เพิ่งจะมาทำรีวิวให้อ่านกันนะครับ

Delta เป็นบริษัทผู้ผลิตปากกาจากประเทศอิตาลี ซึ่งก็ไม่ใช่บริษัทเก่าแก่อะไร บริษัทเพิ่งจะมีอายุอานามได้ 35 ปีมานี่เอง แต่ด้วยการผลิตปากกาที่สวยงาม คุณภาพสูง มีการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัย และดีไซน์คลาสิกตามสไตล์ปากกาอิตาลี จึงทำให้ปากกาของ Delta ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

เหตุที่พ่อเลือกซื้อปากการุ่นนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ผม ก็เพราะว่าปากการุ่นนี้เป็นระบบเติมน้ำหมึกแบบ Piston Filler และตัวปากกาทำจากอะครีลิก ซึ่งเป็นระบบเติมน้ำหมึก และวัสดุทำปากกาที่ผมชื่นชอบ และมีปากกาเพียงไม่กี่รุ่นในตลาดที่ทำจากอะครีลิกและยังเติมหมึกแบบ Piston Filler อย่างนี้ อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกปากการุ่นนี้ ก็เพราะชื่อรุ่นครับ

ชื่อรุ่นเต็มๆของปากกาด้ามนี้ คือ Delta Dolcevita Frederico Stantuffo เรียกได้ว่าเป็นปากกาที่มีชื่อรุ่นยาวที่สุดเลยล่ะครับ โดยชื่อรุ่นเป็นภาษาอิตาลี แปลว่า ชีวิตที่แสนหวานของพระเจ้าเฟรดเดอริค (Dolce แปลว่า หวาน และ Vita แปลว่า ชีวิต) เพราะความที่ชื่อยาวนี่เองนักเล่นปากกาจึงมักจะเรียกปากการุ่นนี้สั้นๆว่า Dolcevita หรือชีวิตที่แสนหวาน นัยว่าพ่อคงต้องการให้ผมมีชีวิตที่แสนหวานครับ 5555 ในบทความนี้ผมจะขอเรียกชื่อรุ่นสั้นๆว่า Dolcevita แล้วกันนะครับ

สำหรับคำว่า Stantuffo ในภาษาอิตาลีแปลว่า ลูกสูบ หรือ Piston บอกให้รู้ว่าปากการุ่นนี้ใช้ระบบเติมน้ำหมึกแบบ Piston Filler นั่นเอง

ลักษณะภายนอก

Delta Dolcevita มีให้เลือกหลายขนาดเลยครับ แต่ที่ผมเห็นมีวางขายบ่อยๆก็จะมีอยู่ 3 ขนาด คือ Slim, Medium และ Oversize สำหรับขนาด Mini นานๆจะเห็นหลุดมาขายสักที ซึ่งก็จะมีราคาที่แพงมาก แล้วก็ยังมีรุ่น Undersize ที่เล็กไปกว่ามินิอีกด้วย

ปากการุ่นนี้มีระบบเติมน้ำหมึกให้เลือก 2 แบบ คือ ใช้ที่สูบหมึกแบบ Piston Converter และระบบ Piston Filler สำหรับรุ่นที่ใช้ที่สูบหมึกจะมีต้องใช้เฉพาะที่สูบหมึกของ Delta เท่านั้นนะครับ โดยปากกาจะสามารถเติมน้ำหมึกได้ด้วยการถอดด้ามปากกาออก แล้วเติมน้ำหมึกตามปกติ หรือจะหมุน Blind Cap ที่ส่วนท้ายของด้ามปากกาออก แล้วเติมน้ำหมึกคล้ายๆกับปากกาที่เป็น Piston Filler ก็ได้ และอีกแบบหนึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ระบบเติมน้ำหมึกแบบ Piston Filler แท้ๆหรือ Stantuffo ซึ่งปากกาที่เป็น Standtuffo นี้จะมีขนาด Medium เพียงขนาดเดียว

ปากกาไซส์มาตรฐานหรือ Medium ของ Delta Dolcevita นี่เป็นปากกาที่ใหญ่มากเลยนะครับ คือ มีความยาวเท่าๆกับ Pelikan M800 แต่ยังอ้วนกว่าอีกครับ หากเทียบขนาดกับปากกายี่ห้ออื่นๆก็ต้องเรียกว่าเป็นขนาดโอเวอร์ไซส์แล้ว

ตัวปากกาของ Delta Dolcevita ทำจากอะครีลิกทั้งด้าม มีให้เลือกหลายสี ด้ามของผมเป็นด้ามสีส้มลายหินอ่อน ปลอกปากกาและปลอกปากกาที่ท้ายด้ามเป็นสีขาว ขลิบ (Trim) ด้วยสีทอง ลักษณะของปากกาเป็นแบบ Flat Top หรือหัวตัดท้ายตัดดูสวยงามคลาสิกมากๆ

ปลอกปากกา

Delta Dolcevita ของผมมีปลอกปากกาทำจากอะครีลิกสีขาว และขลิบ (Trim) ด้วยสีทอง ปากการุ่นนี้มีให้เลือกทั้งขลิบด้วยสีเงินและสีทองนะครับ แต่ที่ผมเลือกสีทองเพราะเข้ากับหัวปากกาดีครับ ที่ด้านบนของปลอกปากกามีเพลทสีทอง ปั๊มโลโก้ของ Delta

บนปลอกปากกาแถบสีทองอยู่ 3 แถบ แถบสีทองขนาดเล็กที่ด้านบนสุด เป็นที่ติดกับคลิปเหน็บกระเป๋า และอีกสองแถบที่เป็นแถบกลางลำตัวปากกา มีขนาดเล็กหนึ่งแถบ และขนาดใหญ่อีกหนึ่งแถบ บนแถบกลางลำตัวปากกาสีทองขนาดใหญ่ จะมีลวดลายคลาสิก แต่ผมไม่ได้เรียนเรื่องศิลปะนะครับ เลยไม่รู้ว่าลวดลายนี้เป็นลายเถาแบบยุโรป หรือเป็นลวดลายแบบโมเดอร์น แต่โดยรวมแล้วทำให้ปากกาดูสวยคลาสิกดีมากๆเลยครับ เน้นเลยครับว่าสวยคลาสิก ไม่ดูเชยเลยแม้แต่น้อย

ด้านหลังของปลอกปากกาจะมีรอยปั๊มข้อความ ที่ด้านบนเป็นคำว่า Delta Italy ส่วนด้านล่างเป็นชื่อรุ่น Dolcevita Frederico และมีตัวเลข 0271 ซึ่งผมไม่รู้นะครับว่าตัวเลขนี้จะเป็นซีรีย์นัมเบอร์ของปากกาแต่ละด้าม หรือจะเป็นเลขรหัสสินค้านะครับ

ปลอกปากกาของ Delta Dolcevita เป็นแบบเกลียวราว 1 รอบ ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว และปิดปลอกปากกาได้แน่นสนิทดีด้วยครับ ปากการุ่นนี้ไม่มีปลอกปากกาชั้นในนะครับ แต่ผมต้องยอมรับฝีมือการผลิตของ Delta เลยว่า สามารถทำให้ปลอกปากกาป้องกันอากาศเข้าได้ดีทีเดียว ผมเคยเติมน้ำหมึกไว้โดยไม่ได้หยิบมาใช้งานเลยนานเดือนกว่า พอหยิบออกมาเขียนก็สามารถเขียนได้ทันที ไม่มีอาการ Hard Start ให้ต้องเขย่าก่อนเขียนเลยครับ

คลิปเหน็บกระเป๋า

คลิปของ Delta Dolcevita มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมเรียบๆ ไม่มีลวดลายอะไรบนคลิปเลย แต่ที่ส่วนปลายของคลิปจะมีลูกล้อเล็กๆอยู่ เป็นดีไซน์ที่สวยงามที่มักจะนิยมกันในกลุ่มปากกาหมึกซึมที่ผลิตในประเทศอิตาลี ส่วนตัวผมก็ไม่เห็นว่าลูกล้อนี้จะมีประโยชน์สักเท่าไหร่นักนะครับ ผมว่าคลิปที่ส่วนปลายเชิดๆขึ้น ยังจะใช้งานได้สะดวกกว่าด้วยซ้ำ

คลิปของ Dolcevita ไม่แข็งนะครับ แต่ว่าคลิปค่อนข้างเตี้ย คือ ตัวคลิปห่างจากปลอกปากกาไม่มากนัก แถมส่วนปลายคลิปยังเป็นลูกล้ออีกด้วย ทำให้ง้างคลิปยากสักหน่อย และความที่คลิปเตี้ยนี่เอง ทำให้ปากการุ่นนี้ไม่เหมาะที่จะนำไปเหน็บกับกระเป๋าที่หนาๆ แต่ถ้าเหน็บกับกระเป๋าเสื้อเชิ้ต หรือเสื้อแจ็คเก็ตนี่ก็ใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรครับ

ด้ามปากกา

ด้ามปากกาของ Dolcevita ทำจากอะครีลิกสีส้มลายหินอ่อน ส่วนตัวผมชอบปากกาที่ทำจากอะครีลิกอยู่แล้ว เพราะสีสันจะสดใสและดูลึกกว่าปากกาที่ทำจากพลาสติก และตัวปากกาก็จะทนต่อการขีดข่วนได้ดีกว่าด้วยครับ ที่ส่วนท้ายของด้ามจะมี Blind Cap หรือปลอกปากกาที่ท้ายด้ามสีขาว และมีขลิบสีทองแถบเล็กๆอยู่ พอเปิดปลอกปากกาที่ท้ายด้ามออกก็จะเจอกับปุ่มเติมน้ำหมึกแบบ Piston Filler

ที่บริเวณส่วนโคนของด้ามปากกาที่อยู่เหนือ Section Grip จะมีช่องมองน้ำหมึกใสๆ สีอำพัน รับกับสีของด้ามปากกา ช่องมองน้ำหมึกนี้จะมีเฉพาะปากการุ่นที่เป็น Stantuffo หรือ Piston Filler เท่านั้นนะครับ รุ่นที่ใช้ระบบเติมน้ำหมึกแบบ Piston Converter จะไม่มี ช่องมองน้ำหมึกมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็ใช้สังเกตปริมาณน้ำหมึกที่เหลืออยู่ได้ดีเลยครับ

บริเวณที่จับปากกา (Section Grip)

ที่จับปากกา หรือ Section Grip ของ Dolcevita ก็ทำจากอะครีลิกเช่นกัน เป็นสีขาวเหมือนกับปลอกปากกา ตัว Section จะเรียวลงไปทางหัวปากกาเล็กน้อย ส่วนปลาย Section บานออก ช่วยป้องกันมือลื่นไหลไปโดนหัวปากกา เนื่องจากตัวปากกาที่อวบอ้วน Section จึงอวบตามไปด้วย จับได้เต็มไม้เต็มมือดีครับ แถม Section ที่ทำจากอะครีลิกก็ไม่ลื่นอีกด้วย ทำให้ Dolcevita เป็นปากกาที่จับได้ถนัดมือดีมากๆ

หัวปากกา

Delta Dolcevita มีหัวปากกาให้เลือก 3 แบบ คือ หัวปากกาที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต หัวปากกาที่ทำจากสแตนเลส และหัวปากกาแบบ Fusion Nib ที่นำมาทำรีวิวนี้

สำหรับหัวปากกาที่ทำจากทอง 18 กะรัต และสแตนเลสก็เข้าใจกันดีอยู่ว่าคืออะไรนะครับ แต่เจ้าหัวปากกาแบบ Fusion นี่ออกจะแปลกสักหน่อย จริงๆแล้วก็คือหัวปากกาที่ทำจากสแตนเลสนี่แหละครับ แต่จะมีแผ่นทอง 18 กะรัต แปะมาบนหัวปากกาด้วย ซึ่งทาง Delta ก็พูดโฆษณาไว้ว่า การใช้โลหะผสมเช่นนี้จะทำให้ประสิทธิภาพของการเขียนดียิ่งขึ้น ซึ่งผมก็จำไม่ได้แล้วว่าโฆษณาไว้อย่างไรบ้าง แต่ผมดูๆแล้วก็ไม่เห็นว่าเจ้าแผ่นทองที่แปะมานี้จะมีผลกับการเขียนอย่างไรนะครับ จึงไปหารีวิวของต่างประเทศอ่าน ก็พบว่านักวิจารณ์ทั้งหมดก็ไม่ได้เห็นถึงความแตกต่างในการเขียน ส่วนตัวผมยังมองไปว่า การที่เอาแผ่นโลหะอีกแผ่นมาแปะบนหัวปากกาอย่างนี้ น่าจะทำให้หัวปากกามีความยืดหยุ่น (Flexible) น้อยลงไปด้วยซ้ำ

แต่เหตุที่ผมเลือกซื้อหัวปากกาแบบ Fusion มาก็ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า สวยดีครับ 5555 และก็อยากจะพิสูจน์ด้วยตนเองว่า หัวปากกาแบบนี้มันจะให้ความรู้สึกในการเขียนอย่างไร นอกจากนี้สำหรับปากกาที่ใช้เขียนงานแล้ว ผมชอบปากกาที่หัวค่อนข้างจะแข็งสักหน่อย ไม่ชอบจดงานด้วยปากกาที่ Flex มากๆ จึงทำให้สั่งหัวปากกาแบบนี้มาโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจครับ

อย่างที่บอกไปแล้วครับว่า Fusion Nib ของ Delta เป็นหัวปากกาสแตนเลสทั่วๆไปนี่แหละ แต่มีแผ่นทอง 18 กะรัตแปะอยู่ด้านบนของหัวปากกา ซึ่งตรงแผ่นทองนี้นักวิจารณ์บางคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า นี่จะเป็นทอง 18K แท้ๆรึเปล่าหนอ หรือว่าเป็นทองชุบ 18K กันแน่ ตรงนี้ก็ยังไม่มีใครให้ความกระจ่างนะครับ

ตรงแผ่นทองที่แปะบนหัวปากกา จะสลักรูปโลโก้และชื่อยี่ห้อ Delta อยู่ ถัดลงมามีตัวเลข 18K-750 บอกให้รู้ว่าแผ่นทองที่แปะอยู่นี้เป็นทองคำ 18 กะรัต จากนั้นก็มีตัวอักษรบอกขนาดลายเส้นของหัวปากกา ซึ่งหัวปากกาด้ามของผมเป็นขนาดกลาง หรือ M ครับ

ระบบเติมน้ำหมึก

ขอบอกอีกทีนะครับว่า Delta Dolcevita นี่มีระบบเติมน้ำหมึกให้เลือกซื้ออยู่สองแบบ คือ ใช้ที่สูบหมึกปกติ ที่เรียกว่า Piston Converter และใช้ระบบเติมหมึกแบบ Piston Filler ที่ผมนำมาทำรีวิวอยู่นี้ ที่ต้องย้ำกันก็เพราะว่าปากการุ่นที่ใช้ที่สูบหมึกปกติของ Dolcevita ก็จะสามารถเปิด Blind Cap ที่ท้ายด้ามปากกาออกมาเติมน้ำหมึกได้ คล้ายกับ Piton Filler ครับ แต่ปากการุ่นที่ใช้ที่สูบหมึกปกติจะไม่มีช่องมองน้ำหมึก หรือ Ink Window นะครับ

พอเปิด Blind Cap ของ Dolcevita Stantuffo ออก ก็จะพบกับปุ่มเติมน้ำหมึกแบบ Piston Filler ทำจากทองเหลืองสวยงามมากจริงๆ การเติมน้ำหมึกก็ทำเหมือนกับปากกาแบบ Piston Filler ทั่วไป ซึ่งผมเคยทำวิดีโอรีวิวให้ชมกันไปแล้ว จะมีความแตกต่างอยู่บ้างเล็กน้อยตรงเวลาที่หมุนก้านลูกสูบลงจนสุด หรือสูบน้ำหมึกเข้าจนเต็มปากกาแล้ว แทนที่เกลียวจะแข็งจนหมุนต่อไม่ได้ แต่สำหรับ Dolcevita Stantuffo จะยังคงหมุนปุ่มเติมน้ำหมึกต่อไปได้ โดยจะมีเสียงแก๊กๆบอกให้รู้ว่าหมุนจนสุดแล้วแทนนะครับ

การใช้งาน

Delta Dolcevita Stantuffo เป็นปากกาที่มีขนาดใหญ่ ทำจากอะครีลิกทั้งด้าม ระบบเติมน้ำหมึกก็ทำจากโลหะ ปากการุ่นนี้จึงมีน้ำหนักค่อนข้างมากนะครับโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปากกาที่มีความยาวเท่าๆกัน แต่ตัวปากกามีสมดุลดีมาก จับเขียนแล้วแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของปากกาเลย เขียนได้นานๆโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้าจริงๆครับ

ตัวปากกามีความยาวกำลังเหมาะ สามารถเขียนโดยไม่เสียบปลอกปากกาไว้ที่ท้ายด้ามได้อย่างสบายๆ ปลอกปากกาของ Dolcevita เสียบที่ท้ายด้ามปากกาได้ตื้นมากนะครับ และแม้ว่าจะเสียบปลอกปากกาที่ท้ายด้ามได้ไม่ แต่ก็ค่อยแน่นหนาเท่าไรนัก เขียนๆไปปลอกปากกาอาจหลุดออกจากด้ามได้เหมือนกัน ซึ่งผมเองก็ไม่กล้ากดปลอกปากกาให้เข้าไปในด้ามแน่นๆ เพราะกลัวปลอกปากกาจะแตก แถมพอเอาปลอกปากกาไปเสียบที่ท้ายด้ามแล้วจะรู้สึกว่าหนักส่วนปลายนิดหน่อยด้วย ตรงนี้เลยทำให้ปากการุ่นนี้ไม่เหมาะที่จะนำไปใช้จดงานนอกสถานที่ครับ แต่ถ้าใช้จดที่ห้องทำงาน เวลาถอดปลอกปากกาแล้วก็วางไว้บนโต๊ะได้อย่างปลอดภัยอย่างนี้ก็ไม่มีปัญหาครับ หรือไม่ก็เอาไว้ใช้เป็นปากกาหรูๆ พกไปใช้เซ็นชื่อ เขียนอวยพร ยังงี้ละก็เวิร์คเลย

การเขียน

Delta Dolcevita ที่ผมนำมาทำรีวิวนี้ เป็นหัวปากกาแบบ Fusion Nib ขนาด M นะครับ ก็อย่างที่บอกไปแล้ว Fusion Nib นี่อันที่จริงแล้วก็คือ หัวปากกาสแตนเลสนี่เอง ลายเส้นของหัวปากกา Delta ขนาด Medium ก็พอๆกับขนาด M ของหัวปากกาจากทางยุโรปทั่วไป คือ ประมาณ 0.5-0.6 มม. เทียบแล้วก็พอๆกับขนาดลายเส้นของหัวปากกาขนาด B จากทางญี่ปุ่น (Pilot และ Sailor แต่หัวปากกาขนาด B ของ Platinum จะกระโดดไปเท่าๆกับขนาด B ของยุโรปนะครับ)

หัวปากกาของ Delta เขียนได้ลื่นดี ไม่มีความรู้สึกถึง Feedback เลย แต่ก็ไม่ใช่หัวปากกาประเภทลื่นปรู๊ดปร๊าดนะครับ คือ เวลาเขียนจะรู้สึกถึงการลากหัวปากกาผ่านเนื้อกระดาษนิดหน่อย เรียกว่าเขียนเพลินดีครับ ยิ่งถ้าเขียนบนกระดาษเนื้อลื่นๆ ยิ่งเขียนได้สนุกมากๆๆๆๆๆครับ

หัวปากกาป้อนหมึกดีมาก เขียนเร็วๆลากยาวๆยังไงก็ไม่มีเส้นขาดหาย ปากกาป้อนน้ำหมึกฉ่ำมาก ใช้กับน้ำหมึกสีสันสดใสจะเห็นสีเห็นโทนได้สวยเลยครับ หัวปากกาของ Delta ยังสามารถเขียนแบบ Reverse Writing หรือหงายหัวปากกาเขียนได้ลื่นดี ไม่มีกัดกระดาษเลยอีกด้วยนะครับ ซึ่งพอหงายหัวปากกาเขียนแล้ว จะให้ขนาดลายเส้นพอๆกันหัวปากกาขนาด Extra Fine ตรงนี้ถือว่าดีเลยนะครับ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบพกปากกาด้ามเดียว หัวปากกาขนาด M ของยุโรปให้ลายเส้นใหญ่พอที่จะเอาไว้เซ็นชื่อได้สวย หรือใช้เขียนบันทึกสั่งงานก็เห็นได้ชัดเจนดี แต่หากจำเป็นจะต้องกรอกข้อมูลลงในช่องเล็กๆ หรือต้องเขียนบนกระดาษเนื้อไม่ดี ก็หงายหัวปากกาเขียนได้

จริงตามคาดครับ หัวปากกา Fusion Nib ของ Delta แข็งค่อนข้างมาก แทบจะไม่มีความยืดหยุ่น (Flex) เลยครับ ตรงนี้บางท่านอาจจะชอบหัวปากกาที่มีความหยืดหยุ่นดี (Flexible Nib) หรือมีความยืดหยุ่นปานกลาง (Semi-Flex) เพราะเวลาเขียนแล้วสามารถลากเส้นขึ้นเบาลงหนักได้สวย แต่ส่วนตัวผมใช้ปากกาจดงานค่อนข้างมาก เรียกว่าเขียนกันทีเป็นวันๆเลยครับ ผมจะชอบปากกาที่ไม่ค่อยจะ Flex แต่เขียนได้คมๆมากกว่าครับ สำหรับปากกาที่จะเอาไว้เขียนสวยๆ ก็หาปากกาแบบ Flex Nib ดีๆไว้ใช้ต่างหากสักด้ามจะดีกว่า แถมหัวปากกาก็จะทนทานกว่าด้วยครับ

สรุปล่ะนะ

Delta Dolcevita เป็นปากกาที่สวยหรูมากๆครับ ผมมองว่าเป็นส่วนผสมของความคลาสิกและโมเดอร์นที่ลงตัวมากๆ ตัวปากกาทำจากวัสดุชั้นดี แข็งแรงทนทาน หัวปากกาเขียนได้ลื่นดีมากด้วยครับ จุดด้อยของปากการุ่นนี้สำหรับผมก็มีแค่เรื่องเสียบปลอกปากกาไว้ท้ายด้ามไม่ค่อยมั่นคงเท่าที่ควร และเมื่อเสียบแล้วยังหนักท้ายอีกด้วย แต่ก็มีปากกาหรูราคาแพงบางรุ่นเหมือนกันนะครับที่ไม่คำนึงในเรื่องนี้ คงเพราะออกแบบมาให้เป็นปากกาสำหรับผู้บริหารใช้เซ็นชื่อ หรือจดบันทึกสั้นๆ ไม่ใช่ปากกาสำหรับเลขานุการ หรือนักเรียนที่ต้องเขียนกันทั้งวี่ทั้งวัน

ผู้ที่สนใจปากกายี่ห้อนี้ คงต้องซื้อผ่านอีเบย์เท่านั้นล่ะครับ เพราะมีผู้ขายในอีเบย์บางรายที่นำปากกาออกมาขายในราคาที่ถูกกว่าร้านค้าในยุโรปซะอีก และหากไม่รีบ ผมแนะนำให้รอประมูลดีกว่าซื้อแบบบายนาว หากใช้โอกาส “เล่นทีเผลอ” อาจจะได้ปากการาคาถูกแบบคิดไม่ถึงเลยทีเดียว แต่ผู้ขายรายใหญ่ในอีเบย์นี้จะส่งสินค้าผ่านบริการขนส่งสินค้าด่วนระหว่างประเทศเท่านั้น จึงทำให้ค่าส่งแพงค่อนข้างมาก แถมยังต้องเจอภาษีเต็มๆแบบเลี่ยงสำแดงไม่ได้ด้วยครับ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการเขียนได้ราวกับฝัน

แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดี

 Write like dream: 

 

blog ที่รวบรวมบทความ และรีวิว เกี่ยวกับปากกาหมึกซึม สำหรับผู้ที่รักการเขียนทุกท่าน

 

ท่านสามารถติดตามการอัพเดทข้อมูลของ WLD ได้ทางโดยกด Like ที่ Facebook Page ของ Write Like Dream (คลิก)

 RECENT POSTS: 
 คลิกเพื่อค้นหาข้อมูล 
bottom of page